วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ประวัติส่วนตัว - Biography

ประวัติส่วนตัว - Biography
ชื่อ นางพูนสุข นามสกุล เกาะน้อย
วัน เดือน ปีเกิด 15 ธันวาคม พ.ศ. 2505 เวลา 05.37น. ปึขาล
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 67/335 หมู่ที่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คนด้วยกัน ทั้งบิดา และมารดา เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน บิดาและมารดาเข้าใจมีบุตรสลับกันคือ มีบุตรสาวคนหนึ่ง บุตรชายคนหนึ่งสลับกันจะมาคนที่ 7 เป็นพี่สาว และคนที่ 8 ควรจะเป็นผู้ชาย แต่กลับเป็นผู้หญิงคือตัวข้าพเจ้าเอง ขณะที่มารดาตั้งครรภ์ข้าพเจ้าอยู่นั้นมารดาข้าพเจ้าแพ้ท้องชอบรับประทานดินเหนียว ข้าพเจ้าเลยเกิดมาตัวดำ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยสู้ดีนัก บิดามารดาไม่มีอาชีพพี่ชายคนที่ 2 ออกเรือตังเกเพื่อหาเลี้ยงภายในครอบครัว พี่น้องทุกคนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทุกคน ก็จะมีเพียงแต่ตัวข้าพเจ้าที่ได้รับการศึกษาสูงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน โดยได้รับการส่งเสียของพี่สาวคนที่ 3 เมื่ออายุ 7 ปี ถึงเกณฑ์เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เข้าศึกษา ณ โรงเรียนเทศบาลวัดโกรกกรากจนจบชั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองคิดว่าคงได้เรียนเพียงแค่นี้ เพราะฐานะทางบ้านยากจน มันเป็นบุญหรือโชคมิอาจทราบได้ มีโรงเรียนประชาบาลแห่งหนึ่งเป็นปีแรกที่เปิดสอนชั้นประถมปีที่ 5 ถึง ประถมปีที่ 7 ซึ่งอยู่อออกไปไกลจากบ้านเท่าไรนัก สามารถเดินเท้าไปเรียนได้ ข้าพเจ้าจึงไปสมัครเรียนเป็นรุ่นแรก ในปีนั้นมีนักเรียนทั้งหมด 22 คน ลาออกกันไปบ้างจนเหลืออยู่ 17 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 5 คน และข้าพเจ้าเป็นนักเรียนหญิงหนึ่งในจำนวน 5 คนนั้น ลักษณะโรงเรียนสมัยก่อนจะอยู่ในป่ากระบูน ไม่มีทางเท้าเป็นลูกรัง จะเป็นดินเหนียว ข้าพเจ้าไม่มีรองเท้านักเรียนใส่ไปเรียน จึงต้องเดินเท้าเปล่าบ้าง ใส่รองเท้าแตะบ้าง ซึ่งวันไหนฝนตกก็จะต้องย่ำดินโคลนเข้าโรงเรียนเท้าข้าพเจ้าจะเปื้อนไปด้วยโคลน ข้าพเจ้าอดทนเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 7 ก็เข้าไปสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งก็คือโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะในปัจจุบันนี้ และนับเป็นโชคดีของข้าพเจ้าอีกเพราะว่าไม่มีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาเต็มจำนวนที่สมัคร ระหว่างเรียน ม.ศ.1 (ในสมัยนั้น) ข้าพเจ้าจึงจำเป็นจะต้องหารายได้พิเศษเพื่อเป็นค่าขนมไปโรงเรียนโดยการไปรับจ้างแกะหอยลายต้ม ซึ่งได้รับค่าจ้างกิโลกรัมละ 3 บาท ในคืน ๆ หนึ่งก็จะได้ประมาณ 50 บาทต่อคืน แต่ว่าไม่ได้มีทุกคืนไป เมื่อเรียนมาจนถึงชั้น ม.ศ. 3 ทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครได้เปิดรับสมัครผู้เข้าเรียนผดุงครรภ์อนามัยโดยใช้วุฒิการศึกษาชั้น ม.ศ. 3 ข้าพเจ้าคิดแล้วว่ามีทางเดยวที่จะเรียนแล้วมีงานทำที่มั่นคง จึงเข้าไปสมัคร และผลการสอบปรากฎว่าข้าพเจ้าติดสำรอง และไม่มีใครสละสิทธิ์ ทำให้ข้าพเจ้าต้องเรียนต่อ ม.ศ. 4 ต่อไป และในปีนี้เองก็ได้เปิดรับสมัครขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และผลการสอบปรากฎออกมาว่าข้าพเจ้าสอบติดตัวจริง จึงไปทำสัญญาเรียนต่อ จึงมีวุฒิสามัญศึกษาแค่ ม.ศ. 4 แล้วไปศึกษาต่อที่โรงเรียนผดุงครรภ์อนามัยวชิระในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าเรียนอยู่ 1 ปี 6 เดือนจึงจบการศึกษา ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 และได้เข้ารับราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพ 1 ได้รับเงินเดือนในขณะนั้น 1,695 บาท ค่าครองชีพ 200 บาท ตอนข้าพเจ้าเข้ารับราชการนั้นอายุเพียง 19 ปี ณ สถานีอนามัยบ้านนาดี ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ข้าพเจ้าสมรสเมื่ออายุได้ 22 ปี และมีบุตรชายคนแรก เมื่อบุตรชายคนแรกอายุได้ ขวบ วิทยาลัยพยาบาลชลบุรีได้เปิดสอนหลักสูตร พยาบาลและผดุงครรภ์ระดับต้น (พยาบาลเทคนิค) ข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 อายุได้ 25 ปี และจบหลักสูตรในปี พ.ศ. 2532 ได้รับประกาศณียบัตรจากพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายาฯ และได้เข้ารับราชการที่เดิม ในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 4 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรสาว ข้าพเจ้าคิดว่าเพียงพอแล้ว จึงได้ทำการคุมกำเนิดด้วยยาฉีดคุมกำเนิด และในปี พ.ศ. 2542 ครอบครัวของข้าพเจ้าได้เกิดมีปัญหาขึ้นจนถึงขั้นหย่าร้างกับสามี เคยใช้นามสกุลของสามีก่อนการหย่าคือ "ม่วงไข่" และได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของตัวเองแต่เดิมคือ "เกาะน้อย" ข้าพเจ้าก็ดูแลลูกมาตลอดทั้ง 2 คน จนกระทั่งลูก ๆ โตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาติจากลูก ๆ ทั้ง 2 เรียนต่อพยาบาลศาสตร์(ต่อเนื่อง) เมื่อปี พ.ศ. 2549 ขณะนั้นลูกชายคนโตเรียนอยู่ที่สถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา(มหาวิทยาลัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ในปัจจุบัน) ส่วนบุตรสาวเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ณ โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ และเตรียมเอนทรานซ์แล้ว ขณะนี้ข้าพเจ้าอายุได้ 45 ปี แต่ก็ยังมีไฟที่จะศึกษาต่อให้สูงขึ้นอีกถ้ามีโอกาสที่เป็นไปได้ ข้าพเจ้าอยากเรียนต่อจนจบระดับปริญญาโท แต่รู้สึกว่าสมองเริ่มจะแย่ลงแล้ว ตอนนี้บุตรชายคนโตอายุได้ 23 ปี มีครอบครัวแล้ว และมีบุตรชาย 1 คนอายุประมาณได้ 4 เดือน พัฒนาการของเขาดีมากจนเกินวัยของเด็กวัยเดียวกัน ข้าพเจ้าจึงได้สั่งไว้ว่าให้กินนมแม่ตลอดจนกว่าจะ 4 เดือนจึงจะให้อาหารเสริมกับเด็ก ซึ่งก็คือข้าวบดและน้ำส้มสด ความภาคภูมิใจของข้าพเจ้าคือการได้เป็นคุณย่ายังสาว(แก่) ที่มีหลานชายวัย 4 เดือน หน้าตาทะเล้น ยิ้มเก่ง ตัวอ้วนกลม น่ารักน่าชัง(ข้าพเจ้ามีรูปมาให้ดูความทะเล้นน่ารักน่าชังของเจ้าหลานตัวอ้วนกลมด้วย)

2 ความคิดเห็น:

ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์ กล่าวว่า...

คุณเป็นคนดีมีความมานะพยายามมาก เป็นตัวอย่างที่ดีของการต่อสู้ เป็นวิธีแก้ปัญหาชีวิตที่มีคุณค่าน่าประทับใจ ลูกๆและหลานๆจะภูมิใจในตัวคุณมากทีเดียว ขอให้คุณประสบผลสำเร็จตามี่ตั้งใจไว้...5

kung กล่าวว่า...

ประวัตินาสนใจดี