วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Slide Show! จิตรกรรมฝาผนัง

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

กฎแห่งสุนทรียะหรือหลักทางสุนทรียภาพ

กฎแห่งสุนทรียะหรือหลักทางสุนทรียภาพ ประกอบไปด้วย
1. ความมีระเบียบ (Order)
2. ความประสานกลมกลืน (Harmony)
3. ความงาม (Beauty)
งานทัศนศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับมวลมนุษย์
1. งานจิตรกรรม (Painting or Pictorial Art) คือ กรรมวิธีของการนำสีชนิดต่าง ๆ มาระบายหรือเขียนลงบนแผ่นราบ ให้บังเกิดเป็นภาพความหมายและมีความงามตามต้องการ
2. งานวาดเส้น (Drawing) คือ การเขียนเป็นลายเส้นหรืออาจมีการระบายแสงและเงาสร้างลักษณะของผิวเพียงสีเดียว
3. ศิลปะภาพพิมพ์ (Graphic Art) หมายถึง การสร้างรูปหรือเครื่องหมายลงบนวัสดุผิวราบใด ๆ ด้วยวิธีการกดหรือประทับจากแม่พิมพ์ เป็นงานที่มีลักษณะ 2 มิติ งานโฆษณาและ Graphic Design ถือว่าเป็นศิลปะภาพพิมพ์
4. ประติมากรรม (Sculpture) คือ การปั้น (เป็นกรรมวิธีก่อขึ้น เพิ่มขึ้น) และการแกะสลัก (เป็นกรรมวิธีของการลด สกัด ตัด หรือเฉือนออก) ให้เป็นรูปทรงในลักษณะสามมิติ เช่น "ดาวเพดาน" ซึ่งอยู่ภายในอาคาร พุทธศาสนาได้ใช้สัญลักษณ์เป็นดอกบัวกันมาตั้งแต่สมัยโบราณอันหมายถึง "จักรวาล" ก่อนที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของพุทธิปัญญาในภายหลัง
5. สถาปัตยกรรม (Architecture) หมายถึง ศิลปะที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ใช้สอย เป็นรูปทรง กินเนื้อที่ มีปริมาตร เช่น ปิรามิดของชาวอียิปต์สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอย เพราะชาวอียิปต์เชื่อว่าเมื่อคนตายไปแล้ววิญญาณจะกลับมาเกิดอีก เขาจึงได้สร้างปิรามิดไว้สำหรับเก็บศพที่เรียกว่า "มัมมี่" ภายในปิรามิดสร้างไว้เพื่อให้วิญญาณได้ฟื้นกลับมาในรูปร่างเดิมและดำเนินชีวิตอย่างสุขสบาย
6. มัณฑนศิลป์ (Decorative Art) มีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ใช้สอยและความสุขทางใจเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา เช่น การออกแบบ การตกแต่งภายใน เป็นต้น

ความซาบซึ้งในความงามของศิลปะ
ความรู้สึกซาบซึ้งในสุนทรียภาพหรือความงาม จะบังเกิดผลสมความปรารถนาหรือไม่เพียงไรนั้น ขึ้นอยู่กับการใฝ่หาความรู้ในศิลปะ ตลอดจนการพัฒนารสนิยมของแต่ละบุคคล ความซาบซึ้งในความงามของศิลปะมี 2 ประการ คือ
1. ความซาบซึ้งทางอารมณ์ เป็นความรู้สึกบนพื้นฐานแห่งความชื่นชมยินดี และความพึง-พอใจที่ได้รับจากการสัมผัสกับความงามในองค์ประกอบของเส้น สี แสง เงา รูปทรง ท่าทาง ถ้อยคำสำนวนและอื่น ๆ อันเป็นความรู้สึกประทับใจหรือสะเทือนใจ
2. ความซาบซึ้งทางพุทธิปัญญา เป็นความรู้สึกในขั้นต่อมาจากการมีความเข้าใจในหลักของความงามทางสุนทรียภาพหรือความงามของงานศิลปะ รู้ถึงองค์ประกอบของงานศิลปะและวิวัฒนาการของศิลปะ ซึ่งเกิดจากความคิดสร้างสรรค์อันไม่สิ้นสุดของมนุษย์ เป็นการเสริมสร้างรสนิยมทางศิลปะของมวลชนในชาติให้มีระดับสูงขึ้น

ขอบข่ายในการเรียนศิลปะโดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงศิลปะย่อมหมายถึง วิจิตรศิลป์ (Fine Art) และศิลปะประยุกต์ (Applied Art)
1. วิจิตรศิลป์ (Fine Art) หรือศิลปะบริสุทธิ์ (Pure
Art) หมายถึง ภาพพิมพ์ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณศิลป์ และดุริยางคศิลป์
(คีตศิลป์) ซึ่งเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติ จนส่งเสริมให้ศิลปินเกิดความคิดสร้างสรรค์ในงานศิลปะ
มีจุดมุ่งหมายคือส่งเสริมจิตใจและปัญญาความคิดของมนุษย์ ถือเป็นศิลปะชั้นสูง
- วิจิตรศิลป์ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์อันประณีตของเส้นและมวลสิ่งหรือสี
- สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และภาพพิมพ์ เรียกว่า ศิลปะกินระวางเนื้อที่ (Space Art) ซึ่งเป็นศิลปะที่มองเห็น จึงถูกเรียกว่า ทัศนศิลป์ (Visual Art) เพราะจำกัดระวางเนื้อที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในอากาศด้วยปริมาตรของศิลปะเท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติที่แท้จริงของศิลปะที่มองเห็น ไม่ได้อยู่ที่วัสดุแต่อยู่ที่จิตใจ
2. ศิลปะประยุกต์ (Applied Art) เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกายหรือเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เครื่องประดับ เครื่องใช้สอยต่าง ๆ เสื้อผ้า เป็นต้น ซึ่งศิลปะประยุกต์อาจแยกย่อยออกเป็น
- มัณฑนศิลป์ (Decorative Art) ได้แก่ การออกแบบและการตกแต่งภายใน
- พาณิชยศิลป์ (Commercial Art) ได้แก่ ศิลปะที่ทำขึ้นเพื่อการค้าขาย อาจออกมาในรูปแบบของการโฆษณา หรือการประดิษฐ์สิ่งของขึ้นมาเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
- อุตสาหกรรมศิลป์ (Industrial Art) ได้แก่ การผลิตจำนวนมากเพื่อใช้ในอุตสาห-กรรม

คุณค่าของศิลปะ
1. ศิลปะมีส่วนช่วยเสริมสร้างจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น ทำให้เกิดความรัก ความสามัคคีต่อกัน ทั้งนี้เพราะศิลปะมีขึ้นเพื่อสนองความต้องการทางอารมณ์และจิตใจ ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างสติปัญญาด้วย
2. ศิลปะมีความสำคัญต่อการแสดงออกถึงความเจริญทางวัฒนธรรมของสังคมในแต่ละยุค
3. ศิลปะช่วยให้ชีวิตมีความสุขราบรื่น เพราะความเข้าใจในศิลปะช่วยสร้างให้เกิดความเข้าใจกัน
4. ช่วยเสริมสร้างความงามของสิ่งแวดล้อมในสังคมและความเป็นระเบียบของบ้านเมือง
5. เด็กที่ได้คุ้นเคยต่อการพบเห็นสิ่งประณีตสวยงามตั้งแต่วัยเยาว์ จะช่วยให้เด็กมีความคิดอ่านประณีต สุขุม เป็นคนดีของสังคม และประพฤติปฏิบัติไปตามกฎแห่งศีลธรรม
ศิลปะมีความเป็นกลางหรือเป็นสากล เป็นสมบัติอันน่าภาคภูมิใจของมวลชนทั่วโลก ศิลปะจึงเป็นที่รวมของจิตใจให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้ก้าวไปสู่ความดีงามด้วยกัน

จิตรกรรม


จิตรกรรม ( Painting) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการขีดเขียน การวาด และระบายสี เพื่อให้เกิดภาพ บรรลุ วิริยาภรณ์ประภาส 1997เป็นงานศิลปะที่มี 2 มิติ เป็นรูปแบน ไม่มีความลึกหรือนูนหนา แต่สามารถเขียนลวงตาให้ เห็นว่ามีความลึกหรือนูนได้ ความงามของจิตรกรรมเกิดจากการใช้สีในลักษณะต่าง ๆ กัน
องค์ประกอบสำคัญของงานจิตรกรรม คือ
1. ผู้สร้างงาน หรือ ผู้วาด เรียกว่า จิตรกร
2. วัสดุที่ใช้รองรับการวาด เช่น กระดาษ ผ้า ผนัง ฯลฯ
3. สี เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงเนื้อหา เรื่องราวเกี่ยวกับผลงาน
งานจิตรกรรมเป็นงานศิลปะที่เก่าแก่ดั้งเดิมของมนุษย์ เริ่มตั้งแต่การขีดเขียนบนผนังถ้ำ บนร่างกาย บนภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ จนพัฒนามาเป็นภาพวาดที่ใช้ประดับตกแต่งในปัจจุบัน การวาดภาพเป็นพื้นฐานของงานศิลปะทุกชนิด ผู้สร้างสรรค์งานจิตรกรรม เรียนว่า จิตรกร(Painter)
งานจิตรกรรม แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ
1. การวาดเส้น (Drawing) เป็นการวาดภาพโดยใช้ปากกา หรือดินสอ ขีดเขียนลงไป แปลก กิจเฟื่องฟู 2539บนพิ้นผิววัสดุรองรับเพื่อให้เกิดภาพ การวาดเส้น คือ การขีดเขียนให้เป็นเส้นไม่ว่าจะเป็นเส้นเล็ก หรือเส้นใหญ่ ๆ มักมีสีเดียวแต การวาดเส้นไม่ได้จำกัดที่จะต้องมีสีเดียว อาจมีสีหลาย ๆ สีก็ได้ การวาดเส้น จัดเป็นพื้นฐานที่สำคัญของงานศิลปะแทบทุกชนิด อย่างน้อย ผู้ฝึกฝนงานศิลปะควรได้มีการฝึผนงานวาดเส้นให้เชี่ยวชาญเสียก่อน ก่อนที่จะไปทำงานด้านอื่น ๆ ต่อไป


2. การระบายสี (Painting) เป็นการวาดภาพโดยการใช้พู่กัน หรือแปรง หรือวัสดุอย่างอื่น มาระบายให้เกิดเป็นภาพ การระบายสี ต้องใช้ทักษะการควบคุมสีและเครื่องมือมากกว่าการวาด เส้น ผลงานการระบายสีจะสวยงาม เหมือนจริง และสมบูรณ์แบบมากกว่าการวาดเส้น
ลักษณะของภาพจิตรกรรม
งานจิตรกรรม ที่นิยมสร้างสรรค์ ขึ้นมีหลายลักษณะ ดังนี้ คือ
1. ภาพหุ่นนิ่ง (Sill life) เป็นภาพวาดเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ หรือ วัสดุต่าง ๆ ที่ไม่มีการ เคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่อยู่กับที่

Cezanne

2. ภาพคนทั่วไป แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
2.1 ภาพคน (Figure) เป็นภาพที่แสดงกิริยาท่าทางต่าง ๆ ของมนุษย์ โดยไม่เน้นแสดงความ เหมือนของใบหน้า
2.2 ภาพคนเหมือน (Potrait) เป็นภาพที่แสดงความเหมือนของใบหน้า ของคน ๆ ใดคนหนึ่ง

van gogh

3. ภาพสัตว์ ( Animals Figure) แสดงกิริยาท่าทางของสัตว์ทั้งหลาย ในลักษณะต่าง ๆ
4. ภาพทิวทัศน์ (Landscape) เป็นภาพที่แสดงความงาม หรือความประทับใจในความงาม ของ ธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อม ของศิลปินผู้วาด ภาพทิวทัศน์ยังแบ่งเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้อีก คือ
4.1 ภาพทิวทัศน์ผืนน้ำ หรือ ทะเล (Seascape )
4.2 ภาพทิวทัศน์พื้นดิน (Landscape)
4.3 ภาพทิวทัศน์ของชุมชนหรือเมือง (Cityscape)

Klimt, Gustav

5. ภาพประกอบเรื่อง (Illustration) เป็นภาพที่เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราว หรือถ่ายทอดเหตุการณ์ ต่าง ๆ ให้ผู้อื่นได้รับรู้ โดยอาจเป็นทั้งภาพประกอบเรื่องในหนังสือ พระคัมภีร์ หรือภาพเขียนบนฝาผนัง อาคาร สถาปัตยกรรมต่าง ๆ และรวมถึงภาพโฆษณาต่าง ๆ ด้วย
6. ภาพองค์ประกอบ (Composition) เป็นภาพที่แสดงความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของศิลปะ และ ลักษณะในการจัดองค์ประกอบ เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้สร้าง โดยที่อาจไม่เน้น แสดงเนื้อหาเรื่องราวของภาพ หรือ แสดงเรื่องราวที่มาจากความประทับใจ โดยไม่ยึดติดกับความเป็นจริง ตามธรรมชาตินาๆ ชนิดนี้ ปรากฏมากในงานจิตรกรรมสมัยใหม่

Picasso

7. ภาพลวดลายตกแต่ง (Decorative painting) เป็นภาพวาดลวดลายประกอบเพื่อตกแต่งสิ่งต่าง ๆ ให้ เกิดความสวยงามมากขึ้น เช่น การวาดลวดลายประดับอาคาร สิ่งของเครื่องใช้ ลวดลายสัก ฯลฯ

PanKun Slide Show!

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550

จิตรกรรมฝาผนัง


จิตรกรรมฝาผนังเรื่องสามก๊ก

วัดประเสริฐสุทธาวาส


จารึกบนแผ่นหินซึ่งฝังติดกับผนังด้านทิศตะวันตก ภายในโบสถ์อ่านได้ว่า ในปี พ.ศ. 2381 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 พระประเสริฐวานิชได้บริจาคเงินซ่อมแซมทั้งพระอาราม สันนิษฐานว่าพระประเสริฐวานิชผู้นี้น่าจะเป็นคนเดียวกับเจ้าสัวเส็ง เศรษฐบุตร แต่จากหลักฐานศิลปวัตถุที่พบในวัด ได้แก่ ใบเสมา พระประธานในวิหาร และพระประธานในพระอุโบสถ ระบุว่าวัดนี้มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อนอยุธยาสิ่งที่น่าสนใจในวัดนี้คือภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ วาดอยู่เหนือกรอบประตูหน้าต่างโดยรอบทั้งสี่ทิศ เป็นภาพเขียนลายเส้นสีดำ แบ่งเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เขียนเป็นเรื่องสามก๊ก แต่ละช่องมีภาษาจีนกำกับ ตามคติการเขียนภาพแบบจีน ตัวภาพอยู่ในสภาพค่อนข้างดี ลายเส้นยังคมชัด จะมีก็แต่บริเวณใกล้กรอบประตูหน้าต่างที่ภาพลบเลือนไปบ้าง



จิตรกรรมที่บานประตูและหน้าต่าง

พระวิหารวัดโสมนัสวรวิหาร

ภาพที่ประตูและหน้าต่างนั้นแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ด้านนอกและด้านใน เฉพาะด้านนอกทั้งที่ประตูและที่หน้าต่างทุกบาน เป็นภาพสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ ทุกช่องและทุกบาน ซึ่งเรียงลำดับจากบนสุดลงมาด้านล่างตามลำดับ ดังนี้ ๑. จักรแก้ว ๒. ช้างแก้ว ๓. ม้าแก้ว ๔. แก้วมณี ๕. นางแก้ว ๖. ขุนคลังแก้ว ๗. ขุนพลแก้ว แต่ภาพที่ประตูใหญ่กว่าภาพที่หน้าต่าง แม้ที่ประตูและหน้าต่างพระอุโบสถด้านนอก ก็มีภาพสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิเช่นกัน การที่มีสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ ๗ ประการนั้น สันนิษฐานว่า ภาพเหล่านี้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า การที่พระเจ้าจักรพรรดิจะได้สมบัติทั้ง ๗ ประการนี้ ก็ด้วยการประพฤติธรรมคือจักกวัตติวัตร มีการปกครองประเทศโดยธรรม เป็นต้น แม้คนทั่วไปก็เช่นกัน ถ้าจะให้สมบัติเกิดขึ้นแก่ตนก็ต้องประพฤติธรรม ไม่ว่าจะเป็นมนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ บุคคลจะได้รับก็ด้วยการประพฤติธรรมทั้งสิ้น



จิตรกรรมวัดเทพนิมิตร

วัดเทพนิมิตร ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ชื่อเดิมวัดบ้านกลางจิตรกรรมฝาผนังวัดเทพนิมิตรอยู่ที่ฝาผนังด้านในอุโบสถทั้ง 4 ด้านจิตรกรรมวัดเทพนิมิตร เป็นจิตรกรรมพื้นบ้าน เขียนด้วยสีฝุ่นเป็นเรื่องราวพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550

อาจารย์ผู้สอนวิชาสุนทรียศาสตร์


อาจารย์วิวรรธน์ จันทร์เทพ

สุนทรียศาสตร์ - Aesthetics

สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) คืออะไร?


สุนทรียศาสตร์คืออะไร? และ เรียนไปทำไม?
ตอบ สุนทรียศาสตร์เป็นปรัชญาสารทหนึ่ง ที่ว่าด้วยความงามทั้งในงานศิลปะ และในธรรมชาติ โดยศึกษาประสบการณ์คุณค่าความงามและมาตรฐานในการวินิจฉัยว่า อะไรงาม อะไรไม่งาม
สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อมนุษย์และสังคมอย่างไร?
ตอบ สุนทรียศาสตร์ ตามความเห็นคิดเห็นคือ สามารถช่วยในเรื่องของกระบวนการคิด การตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล ทำให้ผู้นั้นมีจิตใจอ่อนโยน และมองโลกในแง่ดี ไม่แข็งจนเกินไป นอกจากนั้น การเข้าใจในสุนทรีย์ศาสตร์ยังช่วยส่งเสริมให้มนุษย์ได้มีแนวทางในการแสวงหาความสุขจากความงามต่างๆกันไป และทำให้เห็นความสำคัญของสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้ ตลอดจนรู้จักนำสุนทรียศาสตร์ไปใช้ในชีวิตด้วยเหตุผล และความรู้สึกต่างๆได้อย่างเหมาะสม
สุนทรียศาสตร์มีประโยชน์ต่อวิชาชีพพยาบาลอย่างไร?
ตอบ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพพยาบาลทุกคนจะได้รับการสอนเสมอว่า วิชาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องปฏิบัติงานกับบุคคลซึ่งอยู่ในภาวะเจ็บป่วยโดยต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการให้การพยาบาล นั่นหมายถึง ผู้ป่วยเป็นบุคคลซึ่งมีจิตใจ มีความรู้สึก กลัวการเจ็บป่วย กลัวการตาย การให้การพยาบาลจำเป็นต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อวิชาชีพก่อน จากนั้นต้องมีความตั้งใจในการให้การพยาบาล เข้าใจความรู้สึก และเห็นใจผู้ป่วย ในการให้การพยาบาลควรปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลพร้อมกับให้การพยาบาลอย่างมีคุณภาพ มีเหตุและผล ร่วมกับใช้ความรู้และศาสตร์ ซึ่งหมายถึงวิชาต่างๆที่ได้เรียนมานำมาใช้ให้สอดคล้องกับการพยาบาลต่อผู่ป่วยในแต่ละคน....ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคน พยาบาลทุกท่านต้องทำความเข้าใจและให้การพยาบาลแตกต่างกันออกไป การปฏิบัติงาน และการให้การพยาบาลต่อผู้ป่วยเหล่านั้น สุดท้ายจะส่งผลกลับมาด้วยความภาคภูมิใจ และทำให้เกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และวิชาชีพมากขึ้นทุกวัน ทุกวัน...ฉะนั้นจึงเห็นได้ว่า การให้การพยาบาลและการปฏิบัติงานในวิชาชีพพยาบาลนั้น สอดคล้องกับคำกล่าวของท่านอาจารย์ที่ว่า...การเรียนสุนทรียศาสตร์ ช่วยทำให้มนุษย์เกิดความสมดุลย์ของกาย คือมีเหตุมีผล ของจิตคือ มีความรู้สึก นอกจากนั้น การเรียนสุนทรียศาสตร์ยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้เป็นผู้มีจิตใจอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีอย่างมีเหตุมีผล และส่งเสริมให้เห็นความสำคัญของสรรพสิ่งต่างๆในโลก จึงสอดคล้องกับงานวิชาชีพพยาบาล ในการดูแลให้การพยาบาลต่อผู้ป่วย และเพื่อนมนุษย์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น.

ประวัติส่วนตัว - Biography

ประวัติส่วนตัว - Biography
ชื่อ นางพูนสุข นามสกุล เกาะน้อย
วัน เดือน ปีเกิด 15 ธันวาคม พ.ศ. 2505 เวลา 05.37น. ปึขาล
ที่อยู่ บ้านเลขที่ 67/335 หมู่ที่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เป็นบุตรคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คนด้วยกัน ทั้งบิดา และมารดา เสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน บิดาและมารดาเข้าใจมีบุตรสลับกันคือ มีบุตรสาวคนหนึ่ง บุตรชายคนหนึ่งสลับกันจะมาคนที่ 7 เป็นพี่สาว และคนที่ 8 ควรจะเป็นผู้ชาย แต่กลับเป็นผู้หญิงคือตัวข้าพเจ้าเอง ขณะที่มารดาตั้งครรภ์ข้าพเจ้าอยู่นั้นมารดาข้าพเจ้าแพ้ท้องชอบรับประทานดินเหนียว ข้าพเจ้าเลยเกิดมาตัวดำ ฐานะทางบ้านไม่ค่อยสู้ดีนัก บิดามารดาไม่มีอาชีพพี่ชายคนที่ 2 ออกเรือตังเกเพื่อหาเลี้ยงภายในครอบครัว พี่น้องทุกคนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ทุกคน ก็จะมีเพียงแต่ตัวข้าพเจ้าที่ได้รับการศึกษาสูงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน โดยได้รับการส่งเสียของพี่สาวคนที่ 3 เมื่ออายุ 7 ปี ถึงเกณฑ์เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ได้เข้าศึกษา ณ โรงเรียนเทศบาลวัดโกรกกรากจนจบชั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งตัวข้าพเจ้าเองคิดว่าคงได้เรียนเพียงแค่นี้ เพราะฐานะทางบ้านยากจน มันเป็นบุญหรือโชคมิอาจทราบได้ มีโรงเรียนประชาบาลแห่งหนึ่งเป็นปีแรกที่เปิดสอนชั้นประถมปีที่ 5 ถึง ประถมปีที่ 7 ซึ่งอยู่อออกไปไกลจากบ้านเท่าไรนัก สามารถเดินเท้าไปเรียนได้ ข้าพเจ้าจึงไปสมัครเรียนเป็นรุ่นแรก ในปีนั้นมีนักเรียนทั้งหมด 22 คน ลาออกกันไปบ้างจนเหลืออยู่ 17 คน เป็นชาย 12 คน หญิง 5 คน และข้าพเจ้าเป็นนักเรียนหญิงหนึ่งในจำนวน 5 คนนั้น ลักษณะโรงเรียนสมัยก่อนจะอยู่ในป่ากระบูน ไม่มีทางเท้าเป็นลูกรัง จะเป็นดินเหนียว ข้าพเจ้าไม่มีรองเท้านักเรียนใส่ไปเรียน จึงต้องเดินเท้าเปล่าบ้าง ใส่รองเท้าแตะบ้าง ซึ่งวันไหนฝนตกก็จะต้องย่ำดินโคลนเข้าโรงเรียนเท้าข้าพเจ้าจะเปื้อนไปด้วยโคลน ข้าพเจ้าอดทนเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 7 ก็เข้าไปสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งก็คือโรงเรียนสมุทรสาครบูรณะในปัจจุบันนี้ และนับเป็นโชคดีของข้าพเจ้าอีกเพราะว่าไม่มีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาเต็มจำนวนที่สมัคร ระหว่างเรียน ม.ศ.1 (ในสมัยนั้น) ข้าพเจ้าจึงจำเป็นจะต้องหารายได้พิเศษเพื่อเป็นค่าขนมไปโรงเรียนโดยการไปรับจ้างแกะหอยลายต้ม ซึ่งได้รับค่าจ้างกิโลกรัมละ 3 บาท ในคืน ๆ หนึ่งก็จะได้ประมาณ 50 บาทต่อคืน แต่ว่าไม่ได้มีทุกคืนไป เมื่อเรียนมาจนถึงชั้น ม.ศ. 3 ทางสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครได้เปิดรับสมัครผู้เข้าเรียนผดุงครรภ์อนามัยโดยใช้วุฒิการศึกษาชั้น ม.ศ. 3 ข้าพเจ้าคิดแล้วว่ามีทางเดยวที่จะเรียนแล้วมีงานทำที่มั่นคง จึงเข้าไปสมัคร และผลการสอบปรากฎว่าข้าพเจ้าติดสำรอง และไม่มีใครสละสิทธิ์ ทำให้ข้าพเจ้าต้องเรียนต่อ ม.ศ. 4 ต่อไป และในปีนี้เองก็ได้เปิดรับสมัครขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และผลการสอบปรากฎออกมาว่าข้าพเจ้าสอบติดตัวจริง จึงไปทำสัญญาเรียนต่อ จึงมีวุฒิสามัญศึกษาแค่ ม.ศ. 4 แล้วไปศึกษาต่อที่โรงเรียนผดุงครรภ์อนามัยวชิระในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าเรียนอยู่ 1 ปี 6 เดือนจึงจบการศึกษา ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 และได้เข้ารับราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพ 1 ได้รับเงินเดือนในขณะนั้น 1,695 บาท ค่าครองชีพ 200 บาท ตอนข้าพเจ้าเข้ารับราชการนั้นอายุเพียง 19 ปี ณ สถานีอนามัยบ้านนาดี ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ข้าพเจ้าสมรสเมื่ออายุได้ 22 ปี และมีบุตรชายคนแรก เมื่อบุตรชายคนแรกอายุได้ ขวบ วิทยาลัยพยาบาลชลบุรีได้เปิดสอนหลักสูตร พยาบาลและผดุงครรภ์ระดับต้น (พยาบาลเทคนิค) ข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 อายุได้ 25 ปี และจบหลักสูตรในปี พ.ศ. 2532 ได้รับประกาศณียบัตรจากพระองค์เจ้าโสมสวลีพระวรชายาฯ และได้เข้ารับราชการที่เดิม ในตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 4 แล้วข้าพเจ้าก็ได้ตั้งครรภ์บุตรคนที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรสาว ข้าพเจ้าคิดว่าเพียงพอแล้ว จึงได้ทำการคุมกำเนิดด้วยยาฉีดคุมกำเนิด และในปี พ.ศ. 2542 ครอบครัวของข้าพเจ้าได้เกิดมีปัญหาขึ้นจนถึงขั้นหย่าร้างกับสามี เคยใช้นามสกุลของสามีก่อนการหย่าคือ "ม่วงไข่" และได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของตัวเองแต่เดิมคือ "เกาะน้อย" ข้าพเจ้าก็ดูแลลูกมาตลอดทั้ง 2 คน จนกระทั่งลูก ๆ โตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาติจากลูก ๆ ทั้ง 2 เรียนต่อพยาบาลศาสตร์(ต่อเนื่อง) เมื่อปี พ.ศ. 2549 ขณะนั้นลูกชายคนโตเรียนอยู่ที่สถาบันราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา(มหาวิทยาลัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ในปัจจุบัน) ส่วนบุตรสาวเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ณ โรงเรียนสมุทรสาครบูรณะ และเตรียมเอนทรานซ์แล้ว ขณะนี้ข้าพเจ้าอายุได้ 45 ปี แต่ก็ยังมีไฟที่จะศึกษาต่อให้สูงขึ้นอีกถ้ามีโอกาสที่เป็นไปได้ ข้าพเจ้าอยากเรียนต่อจนจบระดับปริญญาโท แต่รู้สึกว่าสมองเริ่มจะแย่ลงแล้ว ตอนนี้บุตรชายคนโตอายุได้ 23 ปี มีครอบครัวแล้ว และมีบุตรชาย 1 คนอายุประมาณได้ 4 เดือน พัฒนาการของเขาดีมากจนเกินวัยของเด็กวัยเดียวกัน ข้าพเจ้าจึงได้สั่งไว้ว่าให้กินนมแม่ตลอดจนกว่าจะ 4 เดือนจึงจะให้อาหารเสริมกับเด็ก ซึ่งก็คือข้าวบดและน้ำส้มสด ความภาคภูมิใจของข้าพเจ้าคือการได้เป็นคุณย่ายังสาว(แก่) ที่มีหลานชายวัย 4 เดือน หน้าตาทะเล้น ยิ้มเก่ง ตัวอ้วนกลม น่ารักน่าชัง(ข้าพเจ้ามีรูปมาให้ดูความทะเล้นน่ารักน่าชังของเจ้าหลานตัวอ้วนกลมด้วย)

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ประวัติการทำงาน


2 พ.ย.2524 เจ้าหน้าที่ส่งเสรมสุขภาพระดับ 1 สถานีอนามัยบ้านนาดี ต.นาดี อ. เมือง จ.สมุทรสาคร
1 เม.ย. 2528 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดับ 2 สถานีอนามัยบ้านโพธิ์แจ้ ต. บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
1ต.ค.2530 เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพ ระดับ 3 สถานีอนามัยบ้านโพธิ์แจ้ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
1ต.ค. 2532 เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนระดับ 4 สถานีอนามัยบ้านนาดี ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
1ต.ค. 2538 เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนระดับ 5สถานีอนามัยบ้านนาดี ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
1เม.ย. 2542 เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนระดับ 6 สถานีอนามัยบ้านนาดี ตงนาดี อ.เมือง จ. สมุทรสาคร
1ธ.ค. 2547 เจ้าหน้าที่บริหารงานสาธารณสุขระดับ 6 สถานีอนามัยบ้านโคก ต. พันท้ายนรสิงห์ อ. เมือง จ.สมุทรสาคร
ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ต่อเนื่อง(2ปี) ณ. วิทยาลัยบรมราชชนนี ราชบุรี

หลานคุณย่ายังสาว(แก่)

ง่วงอ่ะ ขอหลับหน่อยนะ

เอ้า ยิ้มหน่อยยยย..

หม่ำ ๆ อาหย่อย

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550

ความงาม


บทความสารคดี

ความกตัญญู


ความดี